t-thailand

http://blowza.siam2web.com/


i รูปสถานที่องเทียวสวยงาม

 

 


              นนมัสการพระสมุทรเจดีย์ ประจำปี

 

"พระเจดีย์กลางน้ำ" คือวลีหนึ่งในคำขวัญประจำจังหวัดสมุทรปราการ หมายถึงองค์พระสมุทรเจดีย์--เจดีย์ทรงระฆังย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตรงเกาะกลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา (ซึ่งต่อมาแผ่นดินเกิดงอกมาเชื่อมเกาะดังกล่าว) และมาแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดงานนมัสการพระสมุทรเจดีย์ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 11 และได้มีการจัดสืบต่อกันมาจนเป็นงานประจำปีของชาวสมุทรปราการ

งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ต.ค. - 8 พ.ย. 2553 เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน ความน่าสนใจของงานอยู่ที่การแห่ผ้าห่มองค์พระสมุทรเจดีย์ โดยจะเริ่มขบวนกันที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ แห่ไปรอบเมือง ก่อนจะอัญเชิญผ้าลงเรือแล้วแห่ไปทางน้ำ เพื่อไปขึ้นฝั่งที่ อ. พระประแดงให้ชาวบ้านได้ร่วมอนุโมทนาบุญกัน

จากนั้นจึงอัญเชิญผ้าแห่ทางน้ำกลับมาที่องค์พระสมุทรเจดีย์ เพื่อทำพิธีอัญเชิญผ้าขึ้นห่ม โดยจะใช้ชายในตระกูล "รุ่งแจ้ง" ซึ่งเป็นตระกูลที่สืบทอดการประกอบพิธีมาแต่ครั้งอดีต โดยในปีนี้ผู้อัญเชิญผ้าขึ้นห่มองค์พระสมุทรเจดีย์คือคุณลุงบุญธรรม รุ่งแจ้ง อายุ 75 ปี พร้อมลูกหลานในตระกูลมาร่วมประกอบพิธีด้วย

นอกจากพิธีอัญเชิญผ้าขึ้นห่มองค์พระสมุทรเจดีย์แล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการออกร้านในบรรยากาศงานวัด ให้ได้เดินเล่นชมชิมช็อปกันแบบเพลินๆ ทั้งฝั่งปากน้ำและฝั่งพระสมุทรเจดีย์ ภายในงานมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลาย เล่นสนุกกับเกมสนุกๆ อย่างปาลูกโป่ง ตักไข่ชิงรางวัล ขึ้นชิงช้าสวรรค์กินลมชมบรรยากาศงานวัดที่ประดับประดาด้วยแสงไฟสีสันสวยงาม ซื้อตั๋วไปดูรถไต่ถังสุดหวาดเสียว ทั้งยังมีของกินอร่อยเรียงรายเป็นทิวแถวให้เลือกชิม แต่ที่ห้ามพลาดก็เห็นจะเป็นไก่ย่างน้ำพรมรสเด็ดที่มีเจ้าเดียวในย่านนี้ รู้จักกันในชื่อ "ไก่ย่างเปี๊ยกพระประแดง" ที่ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ

อากาศเย็นๆ แบบนี้พาลูกจูงหลานไปเดินเล่นให้สบายใจในสไตล์งานวัดบ้านเรากันดีกว่า

ท่องเที่ยว ปฏิทินท่องเที่ยว งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์ ประจ…

  • งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์ งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์
  • งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์
  • งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์ งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์
  • งานนมัสการพระสมุทรเจดีย์
  •  านนมัสการงานนมัสการพระสมุทรเจดีย์พระสมุทรเจดีย์

 

                           ททท.สำนักงานนครนายก ชวนเที่ยวหลังฝน...

ฤดูฝนเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เริ่มดำเนินเติบโตตามเวลาที่เคลื่อนผ่านเช่นกัน รวมทั้งป่าไม้ที่ผลัดใบในยามฤดูร้อนก็ผลิใบสีเขียวอ่อน น้ำฝนที่ตกลงสู่ลำธารเพิ่มปริมาณจนเป็นน้ำตกไหลลงสู่ด้านล่าง เพิ่มมูลค่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีกิจกรรมให้นักเดินทางได้แวะเวียนมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย

การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุด เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สร้างความสุขกายสุขใจให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ร่วมเดินทางไปเยี่ยมเยือนตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่หากเกิดเหตุอันไม่คาดคิดจากภัยธรรมชาติ จึงมีการเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยวเป็นสิ่งจำเป็นและช่วยให้นักท่องเที่ยว เที่ยวได้อย่างมีความสุข

นางอธิชา โรจนสุวรรณ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครนายก กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนนี้ ในพื้นที่รับผิดชอบของ ททท.สำนักงานนครนายก มีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมหลายแห่งที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ เมื่อใดฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติจนผืนป่าไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ทันท่วงที สายธารของน้ำจะไหลบ่าจนบางครั้งอาจก่อเกิดลำธารสายใหญ่ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบต่อสรรพสิ่งที่อยู่ระหว่างเส้นทางของปลายน้ำได้และที่รุนแรงที่สุดนั้นคือน้ำป่า หากไม่มีมาตรการในการป้องกันก็จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

เมื่อวันที่ 12-17 ตุลาคม 2553 ในพื้นที่นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก ส่งผลให้มีปริมาณน้ำในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สูงกว่าปกติ แต่ปริมาณน้ำที่มากเริ่มทยอยระบายสู่แหล่งรับน้ำจนวันที่ 18 ตุลาคม 2553 ภาวะน้ำสูงลดระดับสู่ปกติ สามารถเดินทางท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้แก่ ตลาดโรงเกลือ แก่งหินเพิง น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง อุทยานวังตะไคร้ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทับลาน ปางสีดา ตาพระยา สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของประชาชนรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด(นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายก ล่องแก่งหินเพิง อุทยานวังตะไคร้ น้ำตกต่าง ๆ ในแต่ละที่จึงต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีภาระหน้าที่โดยตรงในพื้นที่มีเส้นทางการไหลของน้ำในช่วงฤดูฝน จึงมีการอบรมและเตรียมความพร้อมในการสร้างมาตรการการดูแลและระวังภัยกรณีฉุกเฉินตลอดช่วงเวลา

สำหรับพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้นมีมาตรการป้องกันน้ำป่าบริเวณน้ำตกต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยจัดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำอยู่บริเวณจุดต้นน้ำและบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปใช้บริการและพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในกรณีฉุกเฉิน มีอุปกรณ์สัญญาณเตือนภัยและวิทยุสื่อสารสนามเพื่อแจ้งภัย หากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำมากและมีสีขุ่นข้น ต้องแจ้งเตือนห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำเด็ดขาด

แก่งหินเพิง หรือต้นน้ำแม่น้ำใสใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ในอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีกิจกรรมล่องแก่งเป็นกิจกรรมหลักที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนจำนวนมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยจากปริมาณน้ำที่ไหลจากยอดเขาแหลม เขาร่ม เขากำแพง ซึ่งมีสภาพป่าที่สมบูรณ์มาก ระยะทางจากป่าต้นน้ำถึงจุดสำหรับกิจกรรมล่องแก่งมีระยะทางยาวมากถึง 70 กิโลเมตร ส่งผลดีสำหรับการดูแลและรักษาความปลอดภัยเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดน้ำป่า เพราะเจ้าหน้าที่สามารถรับทราบปริมาณน้ำและความรุนแรงของสายน้ำได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 4 - 7 ชั่วโมง ด้วยระยะทางที่ยาวถึง 70 กิโลเมตร ส่งผลดีให้ปริมาณน้ำไม่หลากมารวดเร็ว จากต้นน้ำความรุนแรงจะเบาบางลงเรื่อย ๆ ถ้าน้ำเอ่อหนุนสูงขี้นทีละน้อยจะสามารถรับทราบได้จากการสังเกตปริมาณน้ำได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 (แก่งหินเพิง) ซึ่งเป็นปลายน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำต่อไป

กิจกรรมล่องแก่งนั้นหากมีปริมาณน้ำสูงเกิน 4 เมตร 50 เซนติเมตร (ระดับน้ำเกินระดับ 5) จะไม่อนุญาตให้ล่องแก่งโดยเด็ดขาด รวมทั้งเข้มงวดเรื่องเรือและอุปกรณ์ล่องแก่ง และที่สำคัญในทุกปีผู้ประกอบการจะมีการอบรมผู้บังคับเรือ (หัว-ท้ายเรือ) และหน่วยรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ซึ่งในช่วงฤดูล่องแก่งทุกวันจะจัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตามแก่งต่าง ๆ และจุดที่อาจเกิดอันตรายได้อย่างน้อยวันละ 16 คน รวมทั้งการสร้างเครือข่ายประสานงานระหว่างผู้ประกอบการเรือยาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, สภอ.นาดี, ที่ว่าการอำเภอนาดี, ศูนย์ อปพร., องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวบริเวณแก่งหินเพิงอย่างเข้มงวดโดยมีเครือข่ายวิทยุเชื่อมโยงกันตลอดเวลา

เส้นทางของน้ำไหลอีกเส้นหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะไหลลงสู่แม่น้ำนครนายก ประกอบด้วยคลองสาริกา (น้ำตกสาริกา) คลองลำพงแห้ง คลองมะเดื่อ คลองวังตะไคร้ (อุทยานวังตะไคร้) คลองนางรอง (น้ำตกนางรอง) คลองท่าด่าน คลองสีสุก และคลองเล็กคลองน้อยที่รับน้ำแล้วไหลลงสู่แม่น้ำนครนายก เมื่อใดฝนตกหนักสายน้ำทุกสายจะไหลมารวมกันที่ลำน้ำนครนายกและไปจบที่แม่น้ำบางปะกง ก่อนปี 2548 จังหวัดนครนายกจะประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เสมอ แต่เมื่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ "เขื่อนขุนด่านปราการชล" แล้วเสร็จและกักเก็บน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไว้ส่วนหนึ่งก็บรรเทาและลดปริมาณน้ำไว้ได้จำนวนมาก แต่อีกหนึ่งปัญหานั้นคือ น้ำป่า ซึ่งอาจจะเกิดได้ในพื้นที่ที่เป็นต้นน้ำ เช่น น้ำตกนางรอง น้ำตกสาริกา อุทยานวังตะไคร้ กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักและมีประชาชนเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในช่วงวันพักผ่อน จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะสร้างมาตรการในการดูแลและเตือนภัยเรื่องน้ำหลากในช่วงฤดูฝน

อุทยานวังตะไคร้ แหล่งท่องเที่ยวที่มีพื้นที่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเป็นพื้นที่ที่รับน้ำจากคลองวังตะไคร้โดยตรง จึงมีมาตรการในการป้องกันเหตุน้ำป่าไหลหลากอย่างเคร่งครัด โดยจัดเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันไปเฝ้าต้นน้ำ อยู่ห่างจากเขตพื้นที่อุทยานวังตะไคร้ประมาณ 1 กิโลเมตร หากระดับน้ำขึ้นมากกว่าระดับ 30-40 ลบ.ซม. เจ้าหน้าที่จะรายงานทางวิทยุสื่อสารมาที่ศูนย์ระวังภัยด้านล่างทันที และหากเกิดกรณีน้ำป่าไหลหลากเมื่อได้รับรายงานจากต้นน้ำอุทยานวังตะไคร้จะเปิดสัญญาณเตือนภัยที่ติดตั้งกระจายอยู่ทั่วไปอย่างน้อย 13 จุด เพื่อเร่งรัดให้นักท่องเที่ยวขึ้นจากลำธารทันที ในช่วงฤดูฝนจัดเจ้าหน้าที่ประมาณ 50 คน กระจายกันดูแลนักท่องเที่ยวในจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุพร้อมให้การช่วยเหลือทันท่วงที

และในแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้แก่ น้ำตกนางรอง น้ำตกสาริกา มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นผู้ดูแลและตรวจตราระดับน้ำอยู่ตลอดเวลา

กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายกเป็นกิจกรรมที่ใช้ประโยชน์จากสายน้ำที่ไหลจากอุทยานฯ เขาใหญ่ โดยมีต้นน้ำสายหลักมาจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ผู้ประกอบการล่องแก่งและผจญภัยนครนายกมีเจ้าหน้าที่ดูแลและเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยตลอดเวลาและตลอดเส้นทางการล่องแก่ง พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจากอุทยานฯ เขาใหญ่แจ้งข่าวเตือนภัยกรณีเกิดมีฝนตกหนักด้านบนของอุทยานฯ เพื่อให้รับทราบถึงต้นน้ำที่น้ำตกเหวนรกว่ามากน้อยเพียงใด และหากมีฝนตกหนักหรือฝนได้ตกติดต่อกันหลายวันจนเกิดการไหลหลากของน้ำป่า จะงดการจัดกิจกรรมล่องแก่งโดยเด็ดขาด

ทุกหน่วยงานทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมมีมาตรการในการอำนวยความสะดวกและสร้างมาตรฐานในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวพร้อมต้อนรับช่วงเทศกาลท่องเที่ยวหน้าฝนนี้

ท่องเที่ยวสุขใจปลอดภัยทั้งไปและกลับ เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนพึงปรารถนา อุบัติเหตุเกิดได้ทุกเมื่อหากเมื่อใดเราประมาท สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องคำนึงเสมอนั้นคือความปลอดภัย เพราะทุกถิ่นที่เราไปเยือนเป็นสถานที่แปลกตาเสมอ ดังนั้นก่อนเดินทางท่องเที่ยวจะต้องศึกษาหาข้อมูลเสมอ เมื่อไปแล้วต้องสังเกตสิ่งรอบตัว เช่น ภูมิประเทศเป็นอย่างไร สายน้ำเปลี่ยนสีจากใสเป็นขุ่นแดงกระทันหัน ปฏิบัติตามป้ายเตือน- สัญญาณเตือนภัยต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะเมื่อใดมีมาตรการป้องกันอุบัติภัยแล้ว หากนักท่องเที่ยวขาดความระมัดระวังและไม่ปฏิบัติตามคำเตือนเหตุร้ายก็จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน

ททท.สำนักงานนครนายก จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านเดินทางมาชมความงามของธรรมชาติที่มีอยู่มากมายที่เราสามารถมาพักผ่อนได้ทุกวันในช่วงฤดูฝน พร้อมเรียนรู้การสร้างมาตรการป้องกันอุบัติภัยจากหน่วยงานหลักของแหล่งท่องเที่ยวนั้น ๆ และท่องเที่ยวปลอดภัยร่วมใจไม่ประมาท


จังหวัดราชบุรี

คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม

ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี


จังหวัดราชบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตกที่มีภูมิประเทศหลากหลาย เป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรมลุ่มน้ำแม่กลองและสายหมอกแห่งขุนเขาตะนาวศรี มีความเป็นมาอันยาวนานและประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ ราชบุรีในปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีที่หลากหลาย ที่ผสมผสานและอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและลงตัว

ราชบุรีมีสถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งโบราณสถาน โบราณวัตถุ งานหัตถกรรมต่างๆ เช่น เครื่องปั้น เครื่องหล่อ เครื่องทอถัก เครื่องจักสาน และยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเมืองหนึ่งของภูมิภาค

จังหวัดราชบุรีมีเนื้อที่ประมาณ 5,196.462 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3,247,789 ไร่ จัดเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 43 ของประเทศไทย มีแม่น้ำแม่กลองเป็นแม่น้ำสายหลัก ไหลผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศแบ่งได้เป็น 4 ลักษณะ คือ พื้นที่ภูเขาสูง บริเวณชายแดนด้านตะวันตกติดกับสหภาพพม่า และด้านใต้ติดกับจังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ราบสูงและที่เนินลอนลาด บริเวณถัดจากแนวเทือกเขามาทางด้านตะวันออก จนถึงตอนกลางของจังหวัด มีแม่น้ำภาชีและลำห้วยสาขาเป็นสายน้ำหลัก ที่ราบลุ่มสองฝั่งแม่น้ำแม่กลอง และด้านตะวันออกของจังหวัด และที่ราบลุ่มต่ำ บริเวณตอนปลายของแม่น้ำแม่กลองที่เชื่อมต่อกับจังหวัดสมุทรสงคราม อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 1-2 เมตร

จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบทำให้สันนิษฐานได้ว่า บริเวณจังหวัดราชบุรีในปัจจุบันเคยมีผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่มาตั้งแต่สมัยยุคหินกลาง คือเมื่อประมาณ 10,000 ปีมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของเมืองโบราณสมัยทวารวดี ที่ตำบลคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเมืองในพุทธศตวรรษที่ 12-13 และบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลองปรากฏหลักฐานการตั้งเมืองขึ้นจากชุมชนท่าเรือสินค้าจากต่างประเทศอีกแห่งหนึ่ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 15-17 โดยมีพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหารเป็นประธานอยู่กลางเมือง

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงยกกองทัพมารับศึกพม่าในเขตจังหวัดราชบุรีหลายครั้ง ครั้งสำคัญที่สุดคือสงครามเก้าทัพ ต่อมาปี พ.ศ. 2360 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้โปรดให้สร้างกำแพงเมืองใหม่และย้ายศูนย์บัญชาการเมืองไปที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลองเพื่อรับศึกพม่า (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมการทหารช่าง)

ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2437 ได้ทรงเปลี่ยนการปกครองส่วนภูมิภาค และรวมเมืองราชบุรีเข้ากับหัวเมืองต่างๆ ใกล้เคียง คือ กาญจนบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ปราณบุรี และประจวบคีรีขันธ์ รวม 6 เมือง ตั้งขึ้นเป็น "มณฑลราชบุรี" ตั้งศาลาว่าการมณฑลขึ้น ณ เมืองราชบุรี ทางฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง (ปัจจุบันคืออาคารพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ราชบุรี) ต่อมาใน พ.ศ. 2440 ได้ย้ายที่บัญชาการเมืองราชบุรีจากฝั่งซ้ายกลับมาตั้งรวมอยู่แห่งเดียวกับศาลาว่าการมณฑลราชบุรี กระทั่งถึง พ.ศ. 2476 มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลทั้งหมด มณฑลราชบุรีจึงถูกยกเลิก และคงฐานะเป็นจังหวัดราชบุรีมาจนถึงปัจจุบัน

จังหวัดราชบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ คือ อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอจอมบึง อำเภอสวนผึ้ง อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอบ้านโป่ง อำเภอบางแพ อำเภอโพธาราม อำเภอปากท่อ อำเภอวัดเพลง และอำเภอบ้านคา

 

จังหวัดกาญจนบุรี

แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก


กาญจนบุรีคือดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ

ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณสถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ

ด้วยความหลากหลายของพื้นที่และเรื่องราวที่สั่งสมอยู่ในจังหวัดชายแดนตะวันตกแห่งนี้ กาญจนบุรีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกสไตล์ ทุกวัย และทุกฤดูกาล

จังหวัดกาญจนบุรีมีเนื้อที่ประมาณ 12 ล้านไร่ หรือ 19,483 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและเทือกเขาสูง โดยมีแม่น้ำสายหลัก 2 สาย คือ แม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย ที่ไหลขนานลงมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลองที่ตัวเมืองกาญจนบุรี

ความเป็นมาของกาญจนบุรีเท่าที่มีการค้นพบหลักฐานนั้น ย้อนไปได้ถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อมีการค้นพบเครื่องมือหินในบริเวณบ้านเก่า อำเภอเมืองฯ ล่วงมาถึงสมัยทวารวดี ซึ่งมีหลักฐานคือซากโบราณสถานที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี เป็นเจดีย์ลักษณะเดียวกับจุลประโทนเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม บ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี และเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งค้นพบโบราณวัตถุ เช่น พระพิมพ์สมัยทวารวดีจำนวนมาก สืบเนื่องต่อมาถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-18 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบคือปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมีรูปแบบศิลปะแบบขอม สมัยบายน

ความเป็นมาของกาญจนบุรียังปรากฏในพงศาวดารเหนือว่า กาญจนบุรีเป็นเมืองขึ้นของสุพรรณบุรีในสมัยสุโขทัย ครั้นมาถึงสมัยอยุธยา กาญจนบุรีก็มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญจนกระทั่งถึงสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์

ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดรูปแบบการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล กาญจนบุรีถูกโอนมาขึ้นกับมณฑลราชบุรี และยกฐานะเป็นจังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2467

เหตุการณ์ที่ทำให้กาญจนบุรีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นตัดสินใจสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ จากชุมทางหนองปลาดุกในประเทศไทย ไปยังเมืองทันบีอูซายัตในพม่า โดยเกณฑ์เชลยศึกและแรงงานจำนวนมากมาเร่งสร้างทางรถไฟอย่างหามรุ่งหามค่ำ จนทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทั้งจากความเป็นอยู่ที่ยากแค้นและโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้า ซึ่งภาพและเรื่องราวของความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในกาญจนบุรี

จังหวัดกาญจนบุรีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา


                    


                          ีนป่ายสู่ดอยสวรรค์ ลานพฤกษา…ภูสอยดาว

ตลอดเส้นทางเดินจึงทวีความยากขึ้นไปอีก เวลาเดินอย่าได้มัวแต่หยอกล้อเล่นกัน หากพลาดพลั้งอาจกลายเป็นอดีตไปก็ได้ เพราะตอนนี้เราอยู่บนความสูง ๑,๖๓๓ เมตรแล้ว 

 ควันไอจากถ้วยกาแฟลอยกรุ่นขึ้นปะทะอากาศเย็นยะเยือก สร้างความอบอุ่นและเรียกความสดชื่นได้ดีไม่น้อย  กาแฟถ้วยนี้คงจะรสเยี่ยมเป็นพิเศษ เพราะนั่งอยู่กลางดงสนสามใบและทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์บนความสูงกว่า 1,600 เมตร ต้องใช้เวลาเดินฝ่าเส้นทางสูงชันหลายชั่วโมง  กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าบดสดๆ (จากกรุงเทพฯ) ต้มจนอุณหภูมิเดือดได้ที่ บรรยากาศอาจจะดีกว่านั่งจิบกลางกรุงอิสตันบูล ต้นตำรับร้านกาแฟแห่งแรกของโลกเสียอีก  การได้จิบกาแฟร้อนๆ สามารถคลายความหนาวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดี หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสู่ลานสนภูสอยดาวแห่งนี้ ตั้งแต่สายๆ ของวันหนึ่งในปลายฤดูฝน

 

  

 

**********


 


     เป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนภูสอยดาวในช่วงปลายฝน หลังจากที่เคยมาแต่ในช่วงฤดูหนาว คราวนี้จึงเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ และสร้างประสบการณ์ในมุมมองที่แตกต่างจากที่พานพบ แม้ว่าภูสอยดาว ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในมุมมองของคนที่เคยมาแล้วก็ตาม หรือภาพถ่ายในมุมต่างๆ ของสถานที่แห่งนี้ได้ถูกตีแผ่จากสื่อมากมายช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทว่าสำหรับผมหรืออีกหลายๆ คนที่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้  จะไม่ว่าสักกี่ครั้ง กี่หน ภูสอยดาวก็ยังเป็นหนึ่งเส้นทางในดวงใจที่ทำให้ห้วงเวลาหนึ่งของชีวิตเป็นไปอย่างคุ้มค่าและน่าจดจำ.... “ภูสอยดาวมีอะไรดี !” ครับไม่ต้องเดา หรือ หาคำตอบเพราะอีกไม่เกินหกชั่วโมงเราคงได้รู้กัน 

   

     หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง และตระเตรียมสัมภาระบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งอยู่บริเวณน้ำตกภูสอยดาว มีลูกหาบมานั่งรอนักท่องเที่ยวพอสมควร ถือว่าไม่มากหากเทียบกับจำนวนลูกหาบซึ่งเป็นชาวบ้านในละแวกนั้นที่มาลงทะเบียนกับอุทยานฯ หลายร้อยคน หากเป็นช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวมาก ลูกหาบบางคนวิ่งขึ้นลงถึง 2 รอบก็มี  ไม่ใช่เพราะพวกเค้างกมีกำลังวังชาเหลือเฟือกันหรอกครับ ตรงกันข้ามถึงแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยเพียงใด เมื่อมีโอกาสพวกเขามักไม่นิ่งเฉยให้โอกาสหลุดลอยไปง่ายๆ เพราะหากปล่อยลูกค้าไป กว่าจะถึงคิวอีกทีอาจรออีกหลายวัน


   

      ส่วนค่าแรงจะคิดเป็นกิโลกรัมละ ๑๕ บาท โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ คอยดูแลเป็นตัวกลางในการชั่งน้ำหนัก ลูกหาบทุกคนจะได้น้ำหนักของสัมภาระใกล้เคียงกันเพื่อความเสมอภาค และป้องกันการแย่งลูกค้าในภายหลัง จะว่าไปราคากิโลกรัม ๑๕  ถือว่าไม่แพงเลยหากเทียบกับระยะทางและความชัน  นอกจากนี้สิ่งที่ต้องชมทางอุทยานฯ ภูสอยดาวคือ การแก้ปัญหาเรื่องขยะ โดยใช้วิธีเก็บค่ามัดจำกลุ่มคณะ ๑๐๐บาท เพื่อเป็นตัวบังคับให้นักท่องเที่ยวนำเศษขยะต่างๆ ของตัวเองเก็บกลับลงมาทิ้งข้างล่าง จึงจะคืนค่ามัดจำดังกล่าวให้ เพราะหากไม่ทำเช่นนี้รับรองภูสอยดาวอาจเต็มไปด้วยขยะเกลื่อนกลาด หรือจะคิดเผาทำลายข้างบนเลย ก็มีแต่ผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมของภูสอยดาว  วิธีนี้อาจไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ช่วยลดปริมาณขยะไม่มากก็น้อย ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใดอยู่ที่พวกเรา ผู้ใช้ประโยชน์จากสถานที่นี้ จะต้องเป็นผู้ดูแลรักษาความงดงามบนภูสอยดาวให้คงอยู่ไปนานเท่านาน       

  

     ผมไม่อิดออดหรือรีรอที่จะใช้บริการลูกหาบ เพราะอยากเก็บเรี่ยวแรงไว้สำหรับการเดินขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับชาวบ้าน สัมภาระทุกอย่างยกเว้นกระเป๋ากล้อง และน้ำดื่ม ๑ ขวด ถูกจัดเตรียมให้กับลูกหาบซึ่งมีถุงกระสอบใบโตสำหรับใส่ของแล้วมัดปาก และใช้ผ้าห่มดัดแปลงทำเป็นสายสะพายหลังคล้ายเป้  ต่างจากภูกระดึงที่ผมเคยไป เค้าจะมีไม้ไผ่ปล้องโตเป็นคานแบกขนสัมภาระ ซึ่งจากการที่เคยลองสัมผัส ขอหาบดูผมว่าแค่คานไม้ไผ่ลำโตอย่างเดียวก็เล่นเอาแย่แล้ว .... พวกผมเดินล่วงหน้าไปก่อนไม่รู้ว่าคนที่เดินตัวเปล่ากับมีของหนักใครจะถึงก่อนกัน แต่จากประสบการณ์ที่เคยผ่านมา ลูกหาบมักจะถึงก่อนเสมอ

     ช่วงนี้ปริมาณน้ำยังค่อนข้างมากสังเกตได้จากบริเวณน้ำตกภูสอยดาว มีสายน้ำเอ่อล้นเต็มโตรกผา แต่ก็ดูสวยงามโดยเฉพาะยามไหลลดหลั่นเชิงชั้นลงมากระทบโขดหิน กระเซ็นชุ่มฉ่ำไปทั่วบริเวณ ซึ่งเส้นทางเดินสู่ลานสนในช่วงแรกนี้เองต้องเดินผ่านน้ำตกภูสอยดาวชั้นต่างๆ ระยะทางประมาณ ๗๐๐ เมตร ( เมื่อก่อนน้ำตกแต่ละชั้นจะมีป้ายชื่ออันเพราะพริ้งติดไว้ แต่คราวนี้ไม่ยักกะมี )  ซึ่งถือว่าเป็นการเดินเรียกน้ำย่อย ชมนกชมไม้ก่อนเจอทางหฤโหด หรือจะเรียกว่าหาทางราบได้น้อยมากก็คงจะไม่ผิด

     เส้นทางน้ำตกค่อนข้างสะดวกสบาย ผ่านเนินชันบ้างเล็กน้อย มีจุดให้ความรู้เป็นระยะคล้ายเส้นทางศึกษาธรรมชาติ  น้ำตกภูสอยดาวคงเป็นน้ำตกยอดนิยมของผู้คนในย่านนี้และใกล้เคียง จึงสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาพักผ่อนปิกนิกพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่น เพราะตั้งอยู่ริมทางหลวง ๑๒๖๘ เพียงจอดรถก็มองเห็นชั้นแรกของน้ำตกภูสอยดาวแล้ว

     มีหลายกลุ่มที่มุ่งหน้าสู่ลานสนเช่นเดียวกัน เพราะช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมเป็นช่วงมีปริมาณนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวบนลานสน เพื่อชมความงามของทุ่งดอกหงอนนาค และดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่งท่ามกลางดงสน ไอหมอกลอยปกคลุมอย่างสวยงามกอปรกับน้ำตกก็มีน้ำมากอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าภาพสวยงามที่สุด หรือภาพที่เรามักจะเห็นตามนิตยสารส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายจากช่วงเดือนดังกล่าวแทบทั้งสิ้น แต่สำหรับผมแล้วภูสอยดาวไม่ว่าหน้าฝนหรือหนาว ก็สวยทั้งนั้น แต่สวยคนละแบบ หรือใครเป็นนักเดินทางตัวจริงคงหาโอกาสมาสัมผัสทั้งสองบรรยากาศในฤดูกาลที่ต่างกัน ซึ่งก็เข้าท่าดีไม่เบาครับ     

     “ลานสนเดินอีกไกลไหม”   ...เสียงของคุณตาท่านหนึ่งเรียกผมตื่นจากภวังค์ พลันเห็นภาพของตายายเดินจูงมือกันก้มลงคุยกับผม ผมตอบคำถามพร้อมอธิบายถึงการเดินขึ้นลานสนให้ฟัง ท่านจึงขอเที่ยวอยู่แค่เพียงน้ำตกภูสอยดาวเท่านั้น และบอกให้เที่ยวเผื่อพวกท่านด้วย ผมดีใจที่คิดมาภูสอยดาวเพื่อแสวงหาประสบการณ์สร้างกำไรชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย มีกำลังวังชายังดีอยู่ หากอายุมากคงจะลำบาก

๑....

     ผ่านความชันของเนินส่งญาติมาได้ และถูกต้อนรับด้วย “เนินปราบเซียน”  ลักษณะเป็นเนินชันตัดขึ้นไปตามแนวดิ่ง ไม่มีการอ้อมเขาแต่อย่างใด ถึงแม้จะทำเป็นขั้นบันได และมีราวไม้ให้เกาะเดินสะดวกขึ้น แต่เหมือนว่าพวกเราล้วนมีอาการเดียวกันคือ เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดพักกันทีหนึ่ง การเดินขึ้นเนินชันแบบนี้ไม่ควรรีบเดินติดคนข้างหน้ามากเกินไป ต้องทิ้งช่วงระยะห่างเล็กน้อย เผื่อคนหน้าหยุดกะทันหันหรือล้มจะได้ไม่เสียกระบวน “นี่มัน ห้าร้อยเมตร หรือ ห้ากิโลเมตรกันแน่”  เสียงบ่นออกอาการสั่นเครือดังขึ้นของน้องทีมงานคนหนึ่ง “ใครหนอช่างตั้งชื่อเนินได้สมชื่อซะจริ๊ง” แนะ!  น้องคนเดิมยังไม่หยุดบ่น แต่ก็ได้แต่บ่นแหละครับ หากคิดเปลี่ยนอกเปลี่ยนใจเดินกลับดูท่าจะสาย ลงทุนเดินมาต้องเยอะคุณเธอคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ

     จะว่าไปขนาดพวกเราเดินตัวเปล่ายังเหนื่อยขนาดนี้ ทำให้ผมอดนึกถึงลูกหาบที่มีสัมภาระคนละไม่ต่ำกว่าสามสิบสี่สิบกิโล  เค้ายังไม่ท้อ นั่นอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยยากทั้งหมดทำเพื่อปากท้อง หาบทีไรก็เหนื่อยแทบขาดใจทุกที แต่มันก็เป็นงานริตที่สร้างรายได้งามๆเสริมจากช่วงว่างเว้นจากการทำไร่นา  

     หลังจากผ่านเนินชันต่อเนื่อง จะมีลานโล่งค่อนข้างกว้าง มีแคร่นั่งเหมาะสำหรับเป็นจุดพัก เมื่อหลายปีก่อนผมมาแวะพักตรงลานนี้มีชาวบ้านนำน้ำดื่ม น้ำอัดลม ตลอดจนเครื่องดื่มชูกำลังนานาชนิดวางขาย ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือลูกหาบจะแวะพัก และซื้อน้ำดื่มแทบทั้งสิ้น แต่คราวนี้ไม่มีได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เท่าที่ทราบเกิดปัญหาในการควบคุมขยะ ทางอุทยานฯจึงไม่อนุญาตให้นำขึ้นมาขาย 

     พวกเราหยุดพักเพียงเล็กน้อยเพราะยังเหลือทางอีกยาวไกล ผมถือคติที่ว่าค่อยๆเดิน แต่ก็ไม่ใช่ช้าเป็นเต่านะครับ เดินแบบรู้กำลังตัวเอง อย่างไรเสียลานสนก็รออยู่ข้างหน้าไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว หากรีบเร่งเกินไปอาจไม่เหลือกำลังไว้ให้เดินแล้วจะยุ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเดินเรื่อยเปื่อยจนมืดค่ำก็ไม่ไหว…อันตราย


   ผมมาถึงลานสน อันเป็นการสิ้นสุดทางชัน ความเหน็ดเหนื่อยกว่าห้าชั่วโมงจางหายไป เปลี่ยนเป็นพลังที่เปี่ยมล้นพร้อมท้าทายสิ่งใหม่ ต้องยอมรับว่าไม่มีครั้งใดที่ผมจะไม่รู้สึกเหนื่อยจนแทบจะท้อกับการเดินทางลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น ภูกระดึง เขาหลวง ภูหลวง ดอยหลวงเชียงดาว ฯลฯ แต่พอป่ายปีนไปถึงปลายทาง ความเหนื่อยล้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันเหมือนกับได้มาพบเจอกับสิ่งท้าทาย แปลกใหม่ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ และไม่เคยท้อกับการเดินทาง พร้อมผจญภัยทุกครั้งที่มีโอกาส

    ถึงแม้ลานสนแห่งนี้จะไม่กว้างใหญ่ ราบเรียบเช่นหลังแปภูกระดึง แต่ท้องทุ่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้สีม่วง และสนสามใบยืนต้นตระหง่าน หยอกล้ออยู่กับสายหมอกจางๆ ยามบ่าย ซึ่งบดบังดวงอาทิตย์ไม่ให้โผล่ออกมากระจายความร้อนจนระคายเคืองผิวที่หาความขาวไม่ค่อยจะเจออยู่แล้ว

    เมื่อเดินมาถึงลานโล่ง ซึ่งทางอุทยานฯ จัดไว้สำหรับกางเต็นท์ และตั้งแค้มป์ มีศูนย์บริการของอุทยานฯ ไว้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ลูกหาบมาถึงและนั่งรอพวกเราอยู่ก่อน หลังจากรับสัมภาระผมจึงนัดแนะให้ขึ้นมารับในอีกสองวัน นักท่องเที่ยวโดยมากจะทำแบบนี้ คือหลังจากลูกหาบนำสัมภาระมาส่งแล้วจะมีการนัดหมายให้มารับสัมภาระในวันกลับด้วย แต่ก็มีบางกลุ่มที่จ้างเฉพาะขาขึ้น สำหรับขาลงสัมภาระจะน้อย แบกลงกันเอง

    เราเริ่มมองหาทำเลเหมาะ ๆ สะดวกและปลอดภัย “เราปลีกวิเวกกันตรงนี้ดีกว่า ใกล้แหล่งน้ำ และเป็นส่วนตัวดี” เสียงน้องทีมงานกล่าวขึ้น พร้อมกับเอาเต็นท์และข้าวของไปวางโดยไม่รอฟังคำตอบจากเหล่าบรรดาสมาชิก มั่นใจว่าเห็นพ้องเหมือนกัน   เต็นท์โดมและเปลถูกกางด้วยเวลาไม่นาน สำหรับผมการมาเที่ยวลักษณะนี้ต้องแบ่งงานกันทำ ใครเตรียมที่นอน ใครทำกับข้าว เพื่อทำภารกิจให้เรียบร้อยก่อนค่ำ หากชักช้ามืดค่ำจะทำอะไรก็ลำบาก เพราะไม่มีไฟฟ้า 

 
   อาหารเย็นมื้อนี้ถูกโม่ลงกระเพาะอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรือหิว หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ควันไอจากถ้วยกาแฟลอยกรุ่นขึ้นปะทะอากาศเย็นยะเยือก สร้างความอบอุ่นและเรียกความสดชื่นได้ดีไม่น้อย  กาแฟถ้วยนี้คงจะรสเยี่ยมเป็นพิเศษ เพราะนั่งอยู่กลางดงสนสามใบและทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์บนความสูงกว่าพันหกร้อยเมตร ต้องใช้เวลาเดินฝ่าเส้นทางสูงชันหลายชั่วโมง 

    กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าบดสดๆ(จากกรุงเทพฯ) ต้มจนอุณหภูมิเดือดได้ที่ บรรยากาศอาจจะดีกว่านั่งจิบกลางกรุงอิสตันบูล ต้นตำรับร้านกาแฟแห่งแรกของโลกเสียอีก  การได้จิบกาแฟร้อนๆ สามารถคลายความหนาวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดี หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสู่ลานสนภูสอยดาวแห่งนี้ ตั้งแต่สายๆ ของวันหนึ่งในปลายฤดูฝน

    อากาศในคืนนี้ช่างหนาวเย็นสุดขั้ว เป็นค่ำคืนมืดมิดไม่เห็นแม้แต่เดือนและดาว เป็นเรื่องปกติสำหรับคืนที่สภาพอากาศชื้นเหมือนฝนจะหล่นพรำลงมา ผมซุกตัวในถุงนอนอุ่นฟังเสียงลมพัดหวีดหวิวกึกก้องไปทั่วราวป่าได้เพียงไม่นาน ทุกอย่างก็เงียบงัน มีเพียงเสียงเพลงแห่งธรรมชาติเห่กล่อมตลอดทั้งคืน โปรแกรมเที่ยวบนลานสนจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้



             
Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 4,736 Today: 2 PageView/Month: 4

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...